แมนยู 10 คน เฉือนชนะ คริสตัล พาเลซ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 หลังจาก 90 นาที เสมอกัน 1-1 ผงาดแชมป์ เอฟเอ คัพ สมัยที่ 12 ไปนอนกอด
ศึกฟุตบอลเอฟเอคัพ 2016 นัดชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 135 ที่สนามเวมบลีย์ เป็นการพบกันระหว่าง คริสตัล พาเลซ อดีตรองแชมป์เมื่อปี 1990 กับอดีตแชมป์ 11 สมัยอย่าง แมนยู
โดยทาง ปีศาจแดง แมนยู ฟอร์มค่อนข้างดี 8 นัดหลังสุดชนะถึง 6 เสมอและแพ้อย่างละ 1
นัดนี้หลุยส์ ฟาน ฮาลไม่คิดอะไรมากจัดทัพเต็มสูบระบบ 4-1-4-1 ได้มารูยาน เฟลไลนี่พ้นโทษแบนกลับมาเดินเกมกลางสนามแทนเจสซี่ ลินการ์ด
ฟาก ปราสาทเรือนแก้ว คริสตัล พาเลซ ฟอร์มแกว่งแพ้สลับชนะ 5 นัดติดต่อกัน ชนะ 2 แพ้ 3 เกมนี้อลัน พาร์ดิวจัดชุดที่ดีที่สุดเช่นกันแพ็คแน่นในระบบ 4-5-1 ทีเด็ดคือโยอัน กาบายห้องเครื่องแผงกลางและยานนิค โบลาซี่ตัวจี๊ดริมเส้น
ผลปรากฎว่า เปิดเกมมา แมนยู ครองบอลบุกเข้าใส่ทันที นาทีที่ 26 แมนยู ได้ลุ้นจากลูกเตะมุม มารูยาน เฟลไลนี่ กำลังจะได้โขกเน้นๆแล้วแต่ยังโดนแนวรับคู่แข่งเบียดสกัดทิ้งไปได้ และทำให้จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง นาทีที่ 78 กลับเป็น พาเลซ ที่มาได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 โจเอล วอร์ด โยนบอลไปให้ เจสัน พันเชียน ตัวสำรองซัดมุมแคบเต้มแรงผ่านมือ เด เคอา เข้าไป ถัดมาแค่ 3 นาที แมนยู มาตามตีเสมอทันควัน รูนีย์ โยนบอลให้ เฟลไลนี่ พักอกเอาบอลลงต่อให้ มาต้า ซัดเต็มแรงไม่เหลือ จบเกมเสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ในช่วงทดเจ็บทั้งสองทีมดูอ่อนล้าลงไป นาทีที่ 106 แมนยู ต้องมาเหลือแค่ 10 คนเมื่อ คริส สมอลลิ่ง มาโดนเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามไป นาทีที่ 111 แมนยู ได้ประตูชัยของเกมจากการยิงของ เจสซี่ ลินการ์ด
จบเกมการแข่งขัน "ปิศาจแดง" แมนยู เฉือนเอาชนะ "ปราสาทเรือนแก้ว" คริสตัล พาเลซ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1 ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอคัพสมัยที่ 12 สูงสุดเทียบเท่ากับ "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=700396
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น