![]() |
เปมิกา เบี้ยวศาล |
ศาลออกหมายจับ “เปมิกา”อดีตสาวคนสนิท “หมอประกิตเผ่า” หลังเบี้ยวไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีร่วมกับพวกรวม 4 คนฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินจำคุก น.ส. เปมิกา 4 ปี 6 เดือน ส่วนเพื่อนอีก 3 คน ให้จำคุกคนละ 3 ปีแต่ให้รอลงอาญา ปรับคนละ 2.7 หมื่นบาท และร่วมกันชดใช้เงินกว่า 8 ล้านบาทแก่หมอประกิตเผ่า นัดอ่านคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 28 มิ.ย.นี้
ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 11 พ.ค. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ รศ.เพลินจิต ทมทิตชงค์ มารดาของ นพ.ประกิตเผ่า ทมทิตชงค์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาแอพพลายด์ ฟิสิกส์ ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง น.ส. เปมิกา หรือชื่อศิวพร หรือชื่อสิริรัษสิริ วีรชัชรักษิต หรือเหลืองเรณูกุล อายุ 34 ปี นักศึกษาปริญญาโท อดีตสาวคนสนิทของ นพ.ประกิตเผ่า น.ส.ฤทัย หรือแนน รุ่งสิริเมธากุล อายุ 32 ปี นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ อายุ 37 ปี และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ อายุ 36 ปี เพื่อน น.ส. เปมิกา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างเดือน ต.ค.49 ถึง ก.พ.50 นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายที่ 1 มีความผิดปกติทางด้านภาวะจิตใจ หลงเชื่อการสร้างสถานการณ์ของจำเลยที่ 1-4 ให้เข้าใจว่า ตัวเองสามารถนั่งสมาธิจนสำเร็จฌานขั้นสูง ระลึกชาติถอดจิตได้ และหลอกลวงว่า น.ส. เปมิกา จำเลยที่ 1 และ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหาย เคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน 99 ภพชาติที่ผ่านมา มีหนี้กรรมต้องชดใช้ในชาตินี้ จำเลยที่ 1 จึงให้ผู้เสียหายซื้อรถโตโยต้า คัมรี่ สีดำ มูลค่า 1,569,000 บาท พร้อมมอบเงิน 980,000 บาท ซื้อแผ่นป้ายทะเบียนเลขสวย สห 9999 กรุงเทพมหานคร และยัง ให้ซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์กับทรัพย์สินอื่นรวม 10 รายการ มูลค่าทรัพย์สิน 9,658,000 บาท เหตุเกิดที่แขวง-เขตปทุมวัน แขวง-เขตพญาไท กทม. ต.งามวงศ์วาน อ.เมืองนนทบุรี และ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ต.ค.53 ให้จำคุก น.ส. เปมิกา จำเลยที่ 1 ฐานฉ้อโกงทรัพย์ และฐานพยายามฉ้อโกงรวม 10 กระทง เป็นเวลา 54 เดือน หรือ 4 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้จำคุกฐานสนับสนุนฉ้อโกงและฐานสนับสนุนให้ผู้อื่นพยายามฉ้อโกงคนละ 10 กระทง รวมจำคุกคนละ 34 เดือน 60 วัน หรือ 3 ปี และปรับคนละ 27,000 บาท แต่จำเลยที่ 2-4 ประกอบอาชีพการงานมั่นคงและไม่เคยต้องโทษอาญามาก่อน พฤติการณ์เป็นเพียงผู้สนับสนุน โทษจำคุกจึงเห็นสมควรให้รอลงอาญาคนละ 2 ปี และให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันคืนทรัพย์สินจำนวน 8,035,387 บาทคืนแก่ นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายด้วย
ขณะที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.56 เห็นว่า โทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 นั่นเหมาะสมแล้ว แต่แก้โทษให้สมบูรณ์คือ หากจำเลยที่ 2-4 ไม่ชำระค่าปรับคนละ 27,000 บาทก็ให้กักขังแทนค่าปรับ และแก้ยอดเงินที่ให้จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืน นพ.ประกิตเผ่า ผู้เสียหายเป็น 8,395,387 บาท
ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัด น.ส. เปมิกา จำเลยที่ 1 ไม่ได้มาศาลตามนัด มีเพียงนายประกันของ น.ส. เปมิกา นายณัฐพล หรือภาสยภูริณฐ์ หรือตั้ม พรมประไพ และนายวทัญญู หรือปุ้ย ตันธีระพงศ์ เพื่อน น.ส. เปมิกา ที่ตกเป็นจำเลยที่ 3-4 เดินทางมาศาล ขณะที่ฝ่ายโจทก์ร่วมมีทนายรับมอบอำนาจมาศาล ทั้งนี้นายประกันของ น.ส. เปมิกา จำเลยที่ 1 แถลงศาลว่า จำเลยมีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ พยายามติดต่อแล้วแต่ไม่สามารถติดต่อได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผลตรวจสอบการส่งหมายแจ้งวันนัดส่งถึง น.ส. เปมิกา และ น.ส.ฤทัย จำเลยที่ 1-2 ได้ แต่จำเลยทั้งสองทราบนัดแล้วไม่มาศาล มีพฤติการณ์จงใจหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา จึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองเพื่อมาฟังคำพิพากษา และให้ปรับนายประกันของ น.ส. เปมิกา จำเลยที่ 1 เต็มจำนวน 1 ล้านบาท นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในวันที่ 28 มิ.ย.นี้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thairath.co.th/content/619046
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น